ประวัติ ของ ท้าววรจันทร์ (เจ้าจอมมารดาวาด ในรัชกาลที่ 4)

ท้าววรจันทรมีนามเดิมว่าแมว เป็นบุตรของสมบุญ งามสมบัติ (มหาดเล็กในรัชกาลที่ 3) กับถ้วย งามสมบัติ (ท้าวปฏิบัติบิณฑทาน)[1] ญาติได้นำเข้าไปถวายตัวในวังหลวงตั้งแต่วัยเด็ก เข้าไปเป็นข้าหลวงในสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ในยามว่างก็ทรงให้ฝึกหัดละครและเป็นศิษย์ของเจ้าจอมมารดาแย้ม[2] เคยรับบทเป็นอิเหนา พระเอกเรื่อง อิเหนา[3] เล่นได้ดีเยี่ยมจนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสเรียกว่า "แมวอิเหนา" ต่อมาจึงได้เข้าถวายตัวเป็นเจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงเปลี่ยนชื่อเป็นวาด และได้เรียนภาษาอังกฤษกับแอนนา เลียวโนเวนส์ พร้อมกับพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอทั้งหลาย เจ้าจอมมารดาวาดประสูติพระโอรสพระองค์หนึ่งคือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา ต้นราชสกุลโสณกุล ณ อยุธยา

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าจอมมารดาวาดได้เลื่อนตำแหน่งเป็นท้าววรจันทร เป็นตำแหน่งชั้นสูงของข้าราชการฝ่ายใน หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยาได้กล่าวถึงท่านว่า[3]

"...กิตติศัพท์เขาเล่าลือว่าท่านดุมาก เด็กได้ยินก็คร้ามท่านมาก เขาว่าท่านจับคนใส่ตรวนได้ เด็กเลยกลัวตัวสั่น ท่านขึ้นเฝ้าได้บางเวลาเหมือนกัน ต้องยอมรับกันในพวกเด็กว่าท่านน่าเกรงขามจริง ท่าเดินของท่านแม้แก่แล้วก็ดูออกว่าถ้าท่านเป็นสาวคงจะสวย ถ้าวันไหนเด็กเห็นท่านผ่านห้องหม่อมเจ้า เด็กจะบอกกันว่าคุณท้าววรจันทร์มาแล้ว ห้องหม่อมเจ้าจะเงียบกริบหยุดเสียงจ้อกแจ้กทันที..."

กล่าวกันว่าท้าววรจันทรมีฝีมือในการปรุงอาหารเป็นเลิศ โดยครั้งหนึ่งท้าววรจันทรได้ถวายสำรับอาหารเป็นน้ำยาไก่และหมูหวานแก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชวังดุสิต ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพอพระทัยในฝีมือของท้าววรจันทรมากโดยเฉพาะหมูหวาน ทรงตรัสยกย่องว่ามีรสชาติราวกับหมูหวานที่เคยเสวยมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ และในเวลาต่อมาจึงโปรดเกล้าพระราชทานธูปและเทียนบูชาฝีมือท้าววรจันทร และทรงประกาศว่าหากใครผัดหมูหวานได้รสเช่นนี้ได้อีก ก็จะพระราชทานน้ำตาลจำนวนสามเท่าลูกฟักเป็นรางวัล[4] และยังปรากฏเรื่องราวของท้าววรจันทร์ในนิพนธ์ น้ำแข็ง ของหม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ความว่า กงสุลไทยในสิงคโปร์นำน้ำแข็งทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น ก็ตรัสเรียกพระราชโอรส-ธิดาว่า "ลูกจ๋า ๆ ๆ" ทรงหยิบน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ จากขันทองใส่พระโอษฐ์เจ้านายเล็ก ๆ พระองค์ละก้อนแล้วตรัสว่า "กินน้ำแข็งเสีย" ก่อนจะตรัสสั่งให้โขลนตามเจ้าจอมมารดาวาดมาดูน้ำแข็ง โขลนจึงไปเรียนคุณจอมว่า "มีรับสั่งให้ท่านขึ้นไปดูน้ำแข็งเจ้าค่ะ" เจ้าจอมมารดาวาดจึงถาม "เอ็งว่าอะไรนะ" โขลนตอบ "น้ำแข็งเจ้าค่ะ" เจ้าจอมมารดาวาดจึงร้องว่า "เอ็งนี้ปั้นน้ำเป็นตัว" คำนี้จึงกลายเป็นภาษิตมาแต่นั้น[5] ในขณะที่ ความทรงจำ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ระบุว่า "อย่าปั้นน้ำเป็นตัว" เป็นสุภาษิตพระร่วง มีความหมายว่า "ห้ามทำอะไรฝืนธรรมชาติ" หรืออีกนัยหนึ่งว่า "แกล้งปลูกเท็จให้เป็นจริง" เป็นสุภาษิตมาแต่โบราณมิใช่เพิ่งเกิด[6]

นอกจากนี้ท้าววรจันทรยังมีความกตัญญูต่ออาจารย์ ด้วยอุปถัมภ์เจ้าจอมมารดาแย้มซึ่งเป็นครูละครให้ไปอยู่ด้วยกันที่วังปากคลองตลาดเพื่อดูแลอาจารย์ในปัจฉิมวัย หลังเจ้าจอมมารดาแย้มถึงแก่กรรม ท้าววรจันทรก็เป็นธุระจัดแจงพิธีปลงศพให้ และจัดการมอบมรดกมอบให้หลานของเจ้าจอมมารดาแย้มด้วย[7][8]

ท้าววรจันทรถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2482 สิริอายุ 98 ปี

ใกล้เคียง

แหล่งที่มา

WikiPedia: ท้าววรจันทร์ (เจ้าจอมมารดาวาด ในรัชกาลที่ 4) http://www.watsamphan.com/datawat/my08_builder/05_... http://bcnnon.ac.th/webnon/Load/2013/01/king22.pdf http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2447/03... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2454/D/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2454/D/... http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/D/... https://www.silpa-mag.com/club/art-and-culture/art...